กิน
ขี้พร้าไฟ ต้านมะเร็ง
หลายเดือนมานี้
ตามตลาดนัดแถบจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะ สตูล สงขลา กำลังเห่อขี้พร้าไฟ
เชื่อกันว่ารักษามะเร็ง แถวบ้านใครมีเยาะ แทบจะเป็นเศรษฐีทันควัน
ลูกโตหน่อยราคาประมาณ 300-400 ร้อยบาท
ลูกเล็กๆราคาลดลั่นกันไป 120-200 บาท แล้วแต่จะต่อรอง
จริงหรือไม่ไม่อาจทราบได้
แต่เท่าที่ค้นดูในนิตยสารหมอชาวบ้าน ฉ.340 พบบทความของ รศ.ดร.สุธาทิพย์ ภมร
ประวัติ
กล่าวถึงพืชชนิดนี้อย่างน่าสนใจ และเป็นจริงดังที่ชาวบ้านคิด
แต่หลายคนยังไม่รู้จักพืชชนิดนี้
มาทำความรู้จักกัน
ภาคกลางเรียกฟักข้าว
หรือ Momordica cochinnensis <Lour.> Spreng. สงขลาเรียกขี้พร้าไฟ
ปัตตานีเรียกขี้กราเครือ ภาคเหนือแถบตากเรียกผักข้าว แถบแพร่เรียกมะข้าว
มีถิ่นกำเนิดในประเทศ จีน พม่า ไทย ลาว บังกลาเทศ มาเลเซีย
และฟิลิปปินส์
ในเวียดนามเรียกแก็ก
<Gac> อยู่ในตระกูลแต่งกว่าและมะละ ในวงศ์ Cucurbitaceae
เป็นเถาไม่เลื้อยพัน
มีมือเกาะ ใบเป็นใบเดียว เรียงเป็นสลับเป็นรูปหัวใจหรือรูปขา
กว้างยาวเท่ากันประมาณ 6-15 ซม.ขอบใบหยักเว้าลึกเป็นแฉก
3-5 แฉก ดอกเป็นดอกเดียวพบที่ซอกใบ
ต้นแยกเพศอยู่คนละต้น
กลีบดอกสีขาวแกมเหลือง ตรงกลางมีสีน้ำตาลแกมม่วง ใบประดับมีขน
ผลอ่อนสีเขียวอมเหลือง
เจริญได้เองโดยไม่ต้องถูกผสม ผลสุขจะมีสีแดง
ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ดหรือแยกรากปลูกเริ่มมีดอกหลังแยกรากปลูกประมาณ 2 เดือน ผลิตดอกราวเดือน พ.ค. ให้ดอกราวเดือน ส.ค. ผลสุขใช้เวลาประมาร 20 วัน
ในหนึ่งฤดูเก็บเกี่ยวได้
30-80 ผล เก็บสุขได้ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.พ. ผลมี 2 ชนิดขนาดยาว
6-10 ซ.ม. และขนาดกลมยาว 4-6 ซ.ม. เปลือกผลอ่อนสีเขียวมีหนามถี่
เปลี่ยนเป็นสีส้มแก่ หรือแดงเมื่อสุก แต่ละผลหนักตั้งแต่ 0.5-2 ก.ก.
ชาวเวียดนามมักปลูกพาดพันระแนงข้างบ้าน
และเก็บผลสุขมาประกอบอาหาร แต่เนื่องจากให้ผลสีช่วงหนาวจึงใช้ประกอบอาหารในช่วงเทศการปีใหม่
และงานมงคลสมรส
สำหรับไทยนั้น
เนื่องจากผลอ่อนรสชาติเหมือนมะละกอชาวบ้านมักลวกหรือต้มสุก
หรือต้มกะทิจิ้มน้ำพริกกะปิหรือใส่แกงยอดอ่อน ใบอ่อนนำมาเป็นผักได้
นึ่งหรือลวกสุขจิ้มน้ำพริก หรือปรุงเป็นแกงได้เช่นกัน
เยื่อเมล็ดมีปริมารบีตาแคโรทีนมากกว่าแครอท
10 เท่า
มีไลโคพีนมากกว่ามะเขือเทศ 12 เท่า กรดไขมันขนาดยาวร้อยระ 10
ของมวล
เพราะฉะนั้นการกินบีตาแคโรทีนจากฟักขาวพบว่าดูดซึมในร่างกายได้ดี
เพราะระรายได้ในกรดไขมัน ซึ่งจะมีผลในการบำรุงสายตา
สำคัญที่ใครอยากรู้ก็คือ ไลโคพีนเป็นสารกลุ่มแคดรทีนอยด์
พบได้ในผักและผลไม้บางชนิด
ทำหน้าที่เป้นรงควัตถุรวบรวบแสงให้แก่พืชและป้องกันพืชผักจากออกซิเจนโมเลกุลเดี่ยว
อนุมูลอิสระ และแสงที่จ้าเกินไป การกินไลดคพีนมีฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่น ได้รับการพิสูจน์จากวงการแพทย์ว่ามีผลลดความเสี่ยงของการเกิดหลอดเลือดหัวใจ
โดรมะเร้งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะ
เนื่องจากเมล็ดมีไลโคพีนมากกว่าผลไม่อื่นๆ
ทุกชนิดจึงถือว่าเป็นอาหารตต้านมะเร็งที่ดีที่สุดชนิดหนึ่งจากฤทธิ์ของไลโคพีน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น